โปรโมชั่น ประจำปี 2568
ความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้คำศัพท์ต่างๆ เช่น ความรับผิดชอบขององค์กร, carbon footprint และความโปร่งใส กลายเป็นคำฮิตใหม่ในยุคสมัยของเรา แรงผลักดันสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้ผลักดันให้การพิจารณา ESG หรือสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม(Social), และการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) กลายมาเป็นหัวข้อหลัก ในการประชุมคณะกรรมการของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้สถานะของการพิจารณา ESG เป็นที่ยอมรับในฐานะข้อกังวลที่สำคัญที่สุดในโลกธุรกิจยุคใหม่
การประหยัดต้นทุน, ส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น, และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นเพียงปัจจัยสำคัญบางส่วนที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศกำลังเข้มงวดกฎหมาย และข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม, การเงิน, และองค์กร โดยกำหนดให้บริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลจำนวนมากผ่านการรายงาน ESG
ซึ่งหมายความว่าบริษัทต่างๆ จะต้องมีข้อมูล ESG ที่แข็งแกร่ง และตรวจสอบได้, การรายงานข้อมูล ESG มักเป็นหนึ่งในความท้าทายหลัก สำหรับบริษัทต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรม และเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ง่ายโดยปฏิบัติตามมาตรฐานสากล และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด บทความนี้ เจาะลึกถึงความซับซ้อนของการรายงาน ESG และมาตรฐาน ISO สามารถช่วยให้บริษัทต่างๆ นำ ESG เข้าไว้ในกลยุทธ์องค์กร
ESG (Environmental, Social, Corporate Governance) คือ ชุดมาตรการที่ไม่ใช่ทางการเงิน ที่ส่งผลโดยตรงต่อโปรไฟล์การจัดการความเสี่ยงขององค์กร, การพัฒนาอย่างยั่งยืน, และความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรายงาน ESG คือ การเปิดเผยข้อมูลขององค์กรประเภทหนึ่ง ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำมั่นสัญญา, ความพยายาม, และความก้าวหน้าขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม, สังคม, และการกำกับดูแล (ESG) จุดประสงค์ คือ เพื่อให้ทราบถึงกิจกรรม ESG ของบริษัทเพื่อปรับปรุงความโปร่งใสให้กับนักลงทุน กิจกรรมเหล่านี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, สิทธิมนุษยชน, และค่าตอบแทนผู้บริหาร
การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ, การใส่ใจต่อสภาพอากาศ, และการมุ่งสู่เป้าหมาย “การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” (Net zero) ส่งผลโดยตรงต่อรายได้, ต้นทุน, และส่วนแบ่งการตลาด นอกจากนี้ยังสามารถเสริมสร้างชื่อเสียงของบริษัท และสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ และยั่งยืนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ แต่สิ่งนี้ต้องอาศัยการที่บริษัทต่างๆ ยึดถือหลักธรรมาภิบาลองค์กรที่เข้มงวด, ความโปร่งใสในการดำเนินงาน และทำงานภายใต้ขอบเขตของกฎหมายและข้อบังคับระดับประเทศและระดับนานาชาติ
การรายงาน ESG มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ ที่ทำให้เป็นเสาหลักขององค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่
ความโปร่งใส(Transparency): เนื่องด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทต่างๆ จึงถูกขอให้เปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสมากขึ้น การรายงาน ESG ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีโอกาสรายงานเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้าด้าน ESG
การจัดการความเสี่ยง(Risk Management): ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ESG อาจทำให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การหยุดชะงัก และการสูญเสียทางการเงิน, การรายงาน ESG เป็นโอกาสในการก้าวไปข้างหน้าของปัญหาเหล่านั้น ด้วยการเปิดเผยกิจกรรมต่างๆ และระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ความต้องการของนักลงทุน (Investor demand): นักลงทุนพึ่งพาตัวชี้วัดทุกประเภทเพื่อวัดประสิทธิภาพ และศักยภาพในการเติบโตของบริษัท, แนวทางปฏิบัติ ESG ที่เข้มงวด และการรายงานที่โปร่งใส มีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้น
ชื่อเสียงของแบรนด์ (Brand reputation): ผู้บริโภคเลือกที่จะทำธุรกิจกับบริษัทที่สอดคล้องกับความเชื่อด้านความยั่งยืนของตน โดยมักจะภักดีต่อบริษัทที่รายงานเกี่ยวกับกิจกรรม และความคืบหน้าด้าน ESG มากขึ้น
การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance): รายงาน ESG เป็นวิธีหนึ่งที่บริษัทต่างๆ จะเปิดเผยข้อมูลอย่างเหมาะสม และช่วยให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบ, ในขณะที่กฎระเบียบยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่มีการรายงาน ESG ที่แข็งแกร่งจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการปฏิบัติตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยหลีกเลี่ยงการลงโทษและความซับซ้อนทางกฎหมาย
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน(Operation efficiency): การรายงาน ESG มักเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกระบวนการปฏิบัติงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน, การรายงานดังกล่าวอาจเป็นแรงผลักดันให้บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพและระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง
การติดตามเป้าหมาย(Goal tracking): การรายงาน ESG เป็นวิธีหนึ่งที่บริษัทต่างๆ จะรับผิดชอบต่อการอ้างสิทธิ์ด้านประสิทธิภาพ ESG ของตน, การรายงานดังกล่าวเป็นวิธีหนึ่งในการติดตามความคืบหน้าของเป้าหมายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
รายงานเดือนพฤศจิกายน 2022 จาก Governance & Accountability Institute Inc. พบว่า 96% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ได้เผยแพร่รายงาน ESG แล้ว
การรายงาน ESG เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่? ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใด อาจมีข้อบังคับระดับชาติหรือระดับเขตอำนาจศาลเฉพาะสำหรับการรายงาน ESG นอกจากนี้ ยังมีข้อบังคับที่เพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมเฉพาะที่เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ รายงานกิจกรรมและผลกระทบด้าน ESG ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ข้อบังคับดังกล่าวได้ยกระดับมาตรฐานการรายงาน ESG โดยมีข้อกำหนดการรายงาน ESG ใหม่เกิดขึ้นในปี 2023 ตัวอย่างเช่น ในสหภาพยุโรป ข้อบังคับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่ยั่งยืนมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม 2021 โดยกำหนดข้อกำหนดสำหรับการรายงาน ESG โดยเน้นที่ความคิดริเริ่มที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน, กฎระเบียบนี้ได้รับการเสริมด้วยคำสั่งการรายงานความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2023
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้ออกกฎระเบียบด้านสภาพอากาศฉบับสุดท้ายที่มีชื่อว่า “การปรับปรุงและปรับมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศสำหรับนักลงทุน” ซึ่งกำหนดให้บริษัทมหาชนบางแห่งต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แม้ว่าการรายงาน ESG จะยังไม่เป็นข้อกำหนดในทุกที่ แต่ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นในการออกกฎระเบียบ
สำหรับบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย มีข้อกำหนดให้ต้องรายงาน ESG โดยมี 3 แนวทาง คือ
1. แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report)
2. แนวปฏิบัติการรายงานความยั่งยืนสำหรับบริษัทจดทะเบียน
3. แนวทางการรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล เช่น GRI Standards, Integrated Report Framework, Recommendations of the Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD), Carbon Disclosure Project (CDP) โดย GRI เป็นที่นิยมแพร่หลายมากที่สุด
การรายงาน ESG มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุน และการตัดสินใจทางธุรกิจ, จากการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถตัดสินใจได้จากทางเลือกที่มากขึ้น โดยสอดคล้องกับคุณค่าและวัตถุประสงค์ในระยะยาว
รายงานเหล่านี้ ประกอบด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณที่เกี่ยวข้องกับมุมมอง ต่อไปนี้
มิติด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึง ทุกสิ่งที่ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การจัดการพลังงาน, น้ำ, และขยะ, การระบายอากาศ, และคุณภาพอากาศ, การจัดหาแหล่งวัตถุดิบ, และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
มิติทางสังคม จะกล่าวถึง ความสัมพันธ์ และชื่อเสียงที่บริษัทมีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น การมีส่วนร่วมของพนักงาน, ความหลากหลาย และการไม่แบ่งแยก, สุขภาพและความปลอดภัย, สิทธิมนุษยชน, และแนวทางปฏิบัติด้านแรงงาน
มิติการกำกับดูแล คือ ระบบภายในของแนวทางปฏิบัติ, การควบคุม, และขั้นตอนที่บริษัทใช้ในการกำกับดูแลตนเอง เช่น ความยืดหยุ่นของรูปแบบธุรกิจ, การจัดการความเสี่ยง, การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ, การตรวจสอบความครบถ้วน, และการตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก
ISO สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ ด้วยมาตรฐานที่หลากหลาย ISO สามารถช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ที่มุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าในด้านกฎหมาย, กฎระเบียบ, และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้
ISO กำลังพัฒนาข้อตกลงเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ (International Workshop Agreement: IWA) เพื่อฝัง ESG ไว้ในวัฒนธรรมขององค์กร, โครงสร้างระหว่างประเทศระดับสูงนี้จะช่วยจัดการประสิทธิภาพ ESG ตลอดจนการวัด, และรายงานภายในกรอบการเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่, เพื่อให้แน่ใจว่าการรายงานและแนวทาง ESG มีความสอดคล้อง, เปรียบเทียบได้, และเชื่อถือได้ในระดับโลก
แนวปฏิบัติ ESG ของ ISO มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมและใช้งานร่วมกันได้กับกรอบการรายงานตามความสมัครใจ และตามกฎระเบียบที่มีอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานและปรับแนวทางในระดับโลกเกี่ยวกับหลักการและแนวทาง ESG แนวปฏิบัตินี้จะให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้ที่เข้าร่วมกับระบบนิเวศ ESG เพื่อสนับสนุนความเข้ากันได้กับกรอบงาน ESG อื่นๆ รวมถึงกฎหมายระดับชาติและระดับนานาชาติ หลักการนำ ESG ไปปฏิบัติของ ISO สามารถใช้ได้โดยองค์กรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กในทุกภาคส่วนและทุกประเทศ
กรอบ ESG ของ ISO/WS สำหรับการนำหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) มาใช้
IWA 48 หลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล
สำหรับการจัดทำรายงานความยั่งยืน ในประเทศไทย สามารถอ้างอิงคู่มือด้านล่าง เป็นตัวอย่าง
การนำระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO14001:2015 Environmental Management System) รวมถึงมาตรฐานด้านการอนุรักษ์พลังงาน ISO50001 ช่วยส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมีมาตรฐาน ISO14064-1 เพื่อรับรองการปล่อย/ลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กร หรือ ISO14064-7 เพื่อรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์มาประยุกต์ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กร เสริมสร้างความมุ่งมั่น ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน, ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความสอดคล้องตามพันธกิจที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า, ผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ
สนใจฝึกอบรมจัดทำระบบ ติดต่อเรา ยินดีให้คำปรึกษากับทุกองค์กร
ติดต่อที่ปรึกษาจัดทำระบบ ESG report, ISO14001, CFO หรืออื่น ๆ โทร. 084-1147666
#CFO, #CFP, #ISO14064-1, #ISO14064-7, #GHG, #ISO14001, #ESG