โปรโมชั่น ประจำปี 2568
เหตุการณ์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยส่งผลกระทบต่อธุรกิจขององค์กรอย่างไร หากคนงานได้รับบาดเจ็บหรือไม่สบาย จะเกิดการหยุดชะงักประเภทใด ประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรได้รับผลกระทบหรือไม่ คนงานคนอื่นได้รับผลกระทบอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นภาระงานหรือสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
ผู้คนเป็นรากฐานของทุกธุรกิจ ดังนั้น การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) ที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จ ความเสี่ยงต่อสุขภาพ, ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของคนงาน โดยไม่ได้รับการจัดการจะส่งผลเสียโดยตรงต่อภารกิจ, ศักยภาพในการเติบโต และความยืดหยุ่นในระยะยาวขององค์กรของเรา ดังนั้น การตระหนักถึงอันตรายอย่างเต็มที่ การพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง และส่งเสริมวัฒนธรรมที่ปกป้องคนงานขององค์กรเราจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าคุณจะดำเนินการในภาคส่วนใดหรือกิจกรรมของคุณมีลักษณะอย่างไร การปกป้องผู้คนที่ทำงานจากความเสี่ยงด้าน OHS จำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดีและการดูแลอย่างต่อเนื่อง การนำระบบการจัดการ OHS ที่แข็งแกร่งมาใช้ถือเป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันอุบัติเหตุและสุขภาพที่ไม่ดี และปกป้องความยั่งยืนในระยะยาวขององค์กรเราผ่านสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร นั่นคือ บุคลากร
ผู้คนมักไม่ทราบถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน อันตรายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) คือสถานการณ์, กิจกรรม หรือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อคน, อันตรายด้าน OHS มีตั้งแต่สายไฟชำรุด, การทำงานบนที่สูง, สารเคมี, ไปจนถึงการขาดทรัพยากรที่เพียงพอ หรือปริมาณงานที่จัดการไม่ได้, อันตรายที่ไม่ได้ถูกกำจัด หรือควบคุมด้วยวิธีอื่นใดจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้าน OHS
ความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่พบบ่อย ได้แก่:
สุขภาพจิตไม่ดี: ความเครียด, ความวิตกกังวล และภาวะหมดไฟส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน ส่งผลให้ผลผลิตลดลง, ขวัญกำลังใจต่ำ และมีปัญหาสุขภาพกายที่ร้ายแรง
ความอ่อนล้า: ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง และการทำงานหนักเกินไปส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ, ข้อผิดพลาด, และปัญหาสุขภาพระยะยาวเพิ่มขึ้น เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจ
สภาวะสุขภาพติดต่อ: โรคต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่หรือ COVID-19 สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีมาตรการป้องกัน ส่งผลให้ขาดงานอย่างแพร่หลาย และการดำเนินงานหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ หรือประสิทธิภาพการทำงานลดลง
สภาวะสุขภาพไม่ติดต่อ: โรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอาจเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานหลายประการ ได้แก่ ระบบน้ำ และการระบายอากาศที่จัดการไม่ดี, การจัดการ, การเตรียม และการจัดเก็บอาหารที่ไม่ปลอดภัย และปัจจัยต่างๆ เช่น การได้รับสารเคมี หรือรังสี, โรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, และโรคอ้วนอาจเกิดจากการจัดการ OHS ที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลให้ขาดงานและต้นทุนด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นในที่สุด
อาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน: อาการบาดเจ็บที่เกิดจากสภาพการทำงาน และการปฏิบัติงานที่ไม่ปลอดภัยนั้นแตกต่างกันไป ตั้งแต่ปัญหาเรื้อรัง เช่น อาการบาดเจ็บที่หลัง หรือการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ไ ปจนถึงอาการบาดเจ็บที่เปลี่ยนชีวิต หรือถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่การขาดงาน, การหยุดงาน, ความรับผิดทางกฎหมาย และขวัญกำลังใจของพนักงานที่ลดลง
ความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มีมากกว่าปัญหาความปลอดภัยของคนงาน หากไม่ได้รับการจัดการ ความเสี่ยงอาจส่งผลต่อทุกอย่าง ตั้งแต่การรักษาพนักงานไว้ จนถึงผลงานและชื่อเสียงของบริษัท, การกำจัดอันตราย และรับมือกับความเสี่ยงโดยตรงจะไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องทีมขององค์กรเท่านั้น แต่ยังเพิ่มแรงจูงใจ, ลดระยะเวลาหยุดงาน และทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
อันตรายในสถานที่ทำงานมีอยู่ในทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมหนัก ไปจนถึงสำนักงานที่เงียบที่สุด การระบุอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็คือ การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของอันตรายที่มีอยู่ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ต่อไปนี้ คือ อันตรายในสถานที่ทำงานหลัก 6 ประเภทที่ธุรกิจทุกแห่งควรทราบ:
อันตรายด้านความปลอดภัย (Safety hazards): ความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดแต่สำคัญยิ่ง เช่น พื้นลื่น, เครื่องจักรหนัก, อุปกรณ์ไฟฟ้า, การทำงานบนที่สูงหรือในพื้นที่จำกัด ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัย และประเมินความเสี่ยงเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ามีมาตรการป้องกันทุกประการ
อันตรายจากสารเคมี (Chemical hazards): ตั้งแต่ควันพิษ ไปจนถึงของเหลวไวไฟ, ความปลอดภัยของสารเคมีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การจัดการ, การจัดเก็บ และการระบายอากาศที่เหมาะสม มีความจำเป็นเพื่อลดการสัมผัสกับอันตรายจากสถานที่ทำงานที่อาจเป็นพิษเหล่านี้
อันตรายทางกายภาพ (Physical hazards): การสัมผัสกับอุณหภูมิที่รุนแรง, รังสี, เสียงดัง, และแสงไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก สภาวะเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายในทันที แต่สามารถส่งผลร้ายแรงในระยะยาวได้หากไม่ได้รับการแก้ไข
อันตรายจากหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics hazards): งานต่างๆ เช่น การยกของหนัก, การนั่งเป็นเวลานาน หรือการเคลื่อนไหวซ้ำๆ กัน อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจากความเครียด และปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก, การประเมินและปรับความเสี่ยงตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยรักษาความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการทำงาน และหลีกเลี่ยงภาวะเรื้อรังที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมได้
อันตรายทางชีวภาพ (Biological hazards): มักถูกมองข้าม ภัยคุกคามจากสารอินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย, เชื้อรา, ของเสียจากสัตว์ และเชื้อก่อโรคที่แพร่ทางเลือด จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อันตรายอย่างรอบคอบและการควบคุมเฉพาะเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
อันตรายทางจิตสังคม (Psychosocial hazards): ความเครียด, การคุกคาม, การกลั่นแกล้ง และการเลือกปฏิบัติจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ การจัดการความเสี่ยงทางจิตสังคมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีและการส่งเสริมวัฒนธรรมที่ทำงานที่เอื้อเฟื้อ
ความเสี่ยงจากการทำงานที่ไม่ได้รับการจัดการมาพร้อมกับต้นทุนที่ชัดเจน ได้แก่ การหยุดชะงักในการทำงาน, การดูแลทางการแพทย์ การเปลี่ยนพนักงาน, การซ่อมแซมอุปกรณ์, และเบี้ยประกันที่สูงขึ้น ค่าปรับตามกฎหมายและเงินสมทบกองทุนป้องกันยังเพิ่มภาระทางการเงินอีกด้วย
นอกเหนือจากต้นทุนโดยตรงของการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บในสถานที่ทำงานแล้ว นายจ้างยังต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมาซึ่งไม่ชัดเจนแต่ส่งผลกระทบ ซึ่งได้แก่:
การสูญเสียผลผลิต: การขาดงานของพนักงาน อาจทำให้ผลผลิตลดลงและสร้างความเครียดเพิ่มเติมให้กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจทำให้โครงการสำคัญๆ ล่าช้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน รวมถึง อุบัติเหตุที่ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ จะทำให้การดำเนินงานประจำวันหยุดชะงัก และประสิทธิภาพการทำงานลดลง
ต้นทุนการสรรหาและฝึกอบรม: การสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ หรือพนักงานชั่วคราวจะเพิ่มต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้
เบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น: อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือเจ็บป่วยอาจทำให้เบี้ยประกันภัยสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในระยะยาวเพิ่มขึ้น
ต้นทุนการบริหาร: ปัญหาสุขภาพและความปลอดภัย ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจัดการการสอบสวน การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
ภาพลักษณ์ของบริษัท: การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุในสถานที่ทำงานอาจทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหาย ส่งผลต่อความไว้วางใจของลูกค้า, ความเชื่อมั่นของนักลงทุน, และการรับรู้ของสาธารณชน ชื่อเสียงที่เสียหายยังอาจนำไปสู่ความยากลำบากในการสรรหาพนักงานที่มีคุณภาพอีกด้วย
การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพต้องเริ่มต้นจากความคิดเชิงรุก, การระบุอันตรายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และการจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจะช่วยให้องค์กร สร้างวัฒนธรรมที่พนักงานทุกคนให้ความสำคัญร่วมกันในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ที่นี่ เราจะมาสำรวจกลยุทธ์เชิงปฏิบัติเพื่อช่วยให้องค์กรจัดการและลดความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในองค์กร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ดำเนินการตามกระบวนการระบุอันตรายอย่างละเอียดและทำงานร่วมกับทีมขององค์กร เพื่อค้นหาความเสี่ยงในสถานที่ทำงานที่เฉพาะเจาะจงกับบทบาทที่แตกต่างกัน การตรวจสอบความปลอดภัยและการตรวจสอบเหตุการณ์เป็นประจำสามารถเปิดเผยอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้ ตั้งแต่ปัญหาเครื่องจักรไปจนถึงอันตรายจากสารเคมี
2. เมื่อเราระบุอันตรายในสถานที่ทำงานทั้งหมดได้แล้ว – รวมถึงบ้านของพนักงาน หากเกี่ยวข้อง – ให้ดำเนินการควบคุมเพื่อให้พนักงานขององค์กรปลอดภัย แยกความเสี่ยงแต่ละอย่างเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความเสี่ยง และระบุมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันสุขภาพที่ไม่ดี และการบาดเจ็บ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการนี้ รวมถึงการระบุความเสี่ยงทางจิตสังคม และสาเหตุหลักของภาวะต่างๆ เช่น ความเครียด และการขาดแรงจูงใจ ซึ่งอาจดูชัดเจน แต่หลายองค์กร โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่ำ มักข้ามขั้นตอนสำคัญนี้ไป
3. กำหนดมาตรการควบคุมเพื่อให้แน่ใจว่าแผนขององค์กรได้ผลตามที่คาดไว้ กลยุทธ์อาจดูดีบนกระดาษ แต่การประเมินอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลในทางปฏิบัติ ความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทภายในและภายนอกที่เราดำเนินการอยู่ ตั้งแต่การแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ไปจนถึงการลาออกของพนักงาน, สภาพอากาศที่เลวร้าย, ความไม่สงบทางการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ล้วนหมายถึง การควบคุมเพื่อจัดการความเสี่ยงที่ต้องมีการปรับปรุง
4. การบันทึกผลการประเมินความเสี่ยงและประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการติดตามความคืบหน้า และการรับรองการปฏิบัติตามกฎหมาย แม้ว่ากฎหมายอาจไม่ได้กำหนดให้ต้องมีการบันทึกโดยละเอียดเกี่ยวกับการระบุอันตราย, การประเมินความเสี่ยง, การตรวจสอบ และการดำเนินการแก้ไข จะช่วยสร้างความไว้วางใจและเป็นข้อมูลอ้างอิงอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงในอนาคต
5. จัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรผ่านการติดตาม, การวัด, และการประเมินอย่างต่อเนื่อง ให้แน่ใจว่ามีการตรวจสอบระดับสูงอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการควบคุม เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการแก้ไขหากจำเป็น การคล่องตัวต่อความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ได้ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจขององค์กร
ISO ให้ความช่วยเหลือในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มาตรฐานระดับโลกอย่าง ISO 45001 มอบทรัพยากรมากมายเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ จัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยและปกป้องคนงานได้ดีขึ้น การใช้แนวทางแบบองค์รวมและการรับรองว่าอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้รับการพิจารณาในทุกแง่มุมของธุรกิจขององค์กร จะช่วยปกป้องผู้คนและช่วยสร้างองค์กรที่เจริญรุ่งเรือง
มาตรฐานระบบการจัดการ เช่น ISO 45001 ไม่เพียงช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนวิธีที่เราจัดการกับความเสี่ยงได้ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สุขภาพและความปลอดภัยฝังแน่นอยู่ในทุกสิ่งที่คุณทำ ข้อกำหนดที่สำคัญ ได้แก่:
ทำความเข้าใจบริบทที่องค์กรดำเนินการและปัญหาที่อาจส่งผลต่อ OHS
แสดงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นต่อสุขภาพและความปลอดภัย
ระบุอันตรายและประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
ให้คนงานมีส่วนร่วมในการระบุปัญหาและตัดสินใจว่าจะจัดการความเสี่ยงอย่างไร
จัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการจัดการ OHS
รับรองความสามารถ การฝึกอบรม และการตระหนักรู้
คาดการณ์ความเสี่ยงใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
เตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินและมีแผนตอบสนอง
ติดตามและตรวจสอบประสิทธิภาพ OHS
ปรับปรุงประสิทธิภาพ OHS อย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์? สถานที่ทำงานที่ไม่เพียงแต่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเกินกว่าข้อกำหนด ส่งผลให้การจัดการความเสี่ยงด้าน OHS กลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ประกอบด้วย
ISO45001:2018 ระบบบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational health and safety management systems )
ISO45003:2021 สุขภาพจิตและความปลอดภัยในการทำงาน (Psychological health and safety at work )
การนำระบบบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001:2018) มาใช้ให้ได้ผล ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการดำเนินงานที่เป็นระบบ ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถวางแผน จัดทำ และปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุและสุขภาพของพนักงาน พร้อมทั้งเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร
ให้เราช่วยนำองค์กรของคุณไปสู่มาตรฐานระดับสากล เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงในระยะยาว!
สนใจฝึกอบรมจัดทำระบบ ติดต่อเรา ยินดีให้คำปรึกษากับทุกองค์กร
ติดต่อที่ปรึกษาจัดทำระบบ ISO45001, ISO39001, OHSMS หรืออื่น ๆ โทร. 084-1147666
#Safety, #ISO45001, #OHSMS, #Occupation