โปรโมชั่น ประจำปี 2568
LCA ถูกกำหนดโดย ISO 14040 ว่าเป็นการรวบรวมและประเมินอินพุต(input), เอาต์พุต(output) และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นของระบบผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิตตามมาตรฐานนี้ และมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน LCA ในการดำเนินการ LCA จึงมีการพัฒนาประมวลจริยธรรมอื่นๆ ขึ้นมา ในบริบทของสหภาพยุโรป, ศูนย์วิจัยร่วมของคณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่คู่มือระบบข้อมูลวัฏจัรกชีวิตอ้างอิงระหว่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2013 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดตัววิธีการวัดผลด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Footprint) เพื่อปรับปรุงการเปรียบเทียบ LCA ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์และองค์กร
สามารถศึกษา the International reference Life Cycle Data system handbook ได้จาก Link นี้
สำหรับ "คู่มือระบบข้อมูลวัฏจักรชีวิตอ้างอิงระหว่างประเทศ" (International reference Life Cycle Data System handbook) ประกอบไปด้วยคู่มือดังนี้
The General guide for Life Cycle Assessment (2010)
The Specific guide for Life Cycle Inventory (LCI) data sets (2010)
Life Cycle Impact Assessment Guide: Analysis of existing Environmental Impact Assessment methodologies for use in Life Cycle Assessment (LCA) (2010).
Life Cycle Impact Assessment Guide: Framework and requirements for Life Cycle Impact Assessment (LCIA) models and indicators (2010).
Life Cycle Impact Assessment Guide: the Recommendations for Life Cycle Impact Assessment in the European context (2010)
Life Cycle Impact Assessment Guide: the Characterisation factors of the ILCD Recommended Life Cycle Impact Assessment methods (2012)
The guide on Reviewer qualification (2010)
The guide on Review Schemes for Life Cycle Assessment
สำหรับคู่มือฉบับอื่น ๆ สามารถศึกษาได้ที่เว็บไซต์ของ European Platform on LCA | EPLCA
https://eplca.jrc.ec.europa.eu/ilcd.html
แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนของการประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ทั้ง 4 เฟส
LCA แบ่งได้เป็น 4 ขั้นตอนหลัก (ตามภาพด้านบน):
1) เป้าหมายและขอบเขต (Goal and Scope)
ในขั้นตอนเป้าหมายและขอบเขต จะมีการกำหนดเป้าหมายของการศึกษา ได้แก่ การประยุกต์ใช้ที่ตั้งใจไว้, เหตุผลในการดำเนินการศึกษา และกลุ่มเป้าหมาย ในขั้นตอนนี้ จะมีการเลือกวิธีการหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดหน่วยการทำงานที่ชัดเจน (functional unit), การระบุขอบเขตของระบบ(system boundary), การระบุขั้นตอนการจัดสรร(allocation procedure), หมวดหมู่ผลกระทบที่ศึกษา(impact categories) และแบบจำลองการประเมินผลกระทบตลอดวงจรชีวิต (LCIA) ที่ใช้, และการระบุข้อกำหนดด้านคุณภาพข้อมูล
2) การวิเคราะห์ข้อมูลรายการบัญชีด้านสิ่งแวดล้อม(Inventory analysis)
ขั้นตอนการวิเคราะห์บัญชีรายการด้านสิ่งแวดล้อม (LCI) เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลและขั้นตอนการคำนวณ เพื่อวัดปริมาณอินพุตและเอาต์พุตของระบบที่ศึกษา, อินพุตและเอาต์พุตเกี่ยวข้องกับพลังงาน, วัตถุดิบ, และอินพุตทางกายภาพอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ (product) และผลิตภัณฑ์ร่วม (co-product) และของเสีย(waste), การปล่อยสู่บรรยากาศ/น้ำ/ดิน (emission to air/water/soil) และด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวข้องกับกระบวนการเบื้องหน้า (เช่น สำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, การผลิต และบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์) และกระบวนการเบื้องหลัง (เช่น สำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, การผลิตไฟฟ้า, และวัสดุที่ซื้อมา) ข้อมูลจะได้รับการตรวจสอบและนำไปเชื่อมโยงกับหน่วยกระบวนการ (Process unit) และหน่วยการทำงาน (Functional unit)
3) การประเมินผลกระทบ (Impact analysis)
ในขั้นตอนการประเมินผลกระทบต่อวงจรชีวิต (Life Cycle Impact Analaysis, LCIA) ผลลัพธ์ของ LCI จะเชื่อมโยงกับหมวดหมู่ และตัวบ่งชี้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, ซึ่งทำได้โดยใช้หลักการ LCIA โดยขั้นแรกจะจำแนกการปล่อยมลพิษออกเป็นหมวดหมู่ผลกระทบ, จากนั้นจึงกำหนดลักษณะเป็นหน่วยทั่วไป เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้ (รายละเอียดเกี่ยวกับ LCIA จะแสดงไว้ในส่วนด้านล่าง)
4) การแปลความหมายของผลลัพธ์ (Intepretation)
ในที่สุด ในขั้นตอนการตีความวงจรชีวิต ผลลัพธ์จาก LCI และ LCIA จะถูกตีความตามเป้าหมาย และขอบเขตที่ระบุไว้ ขั้นตอนนี้รวมถึงการตรวจสอบความสมบูรณ์(completeness), ความไว(sensitivity), และความสอดคล้องกัน(Consistency) นอกจากนี้ ในขั้นตอนนี้ยังได้กล่าวถึงความไม่แน่นอน(Uncertainty) และความถูกต้องของผลลัพธ์ที่ได้ (Accuracy)
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบต่อวัฏจักรชีวิต (LCIA)
เมื่อรวบรวมข้อมูลข้อมูลรายการบัญชีด้านสิ่งแวดล้อมของวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์แล้ว, จะต้องประเมินประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ โดยใช้ขั้นตอนการประเมินผลกระทบต่อวัฏจักรชีวิต (LCIA) ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนย่อยเพิ่มเติมอีก 4 ขั้นตอน (การจำแนกประเภท(Classification), การกำหนดคุณลักษณะ(Characterisation), การทำให้เป็นมาตรฐาน(Normalisation), และการถ่วงน้ำหนัก(Weighting)) ดังต่อไปนี้
กฏหมายสหภาพยุโรป (European Union Legislation) **
PEF = Product Environmental Footprint
OEF = Organization Environmental Footprint
การนำระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO14001:2015 Environmental Management System) รวมถึงมาตรฐานด้านการอนุรักษ์พลังงาน ISO50001 ช่วยส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมีมาตรฐาน ISO14064-1 เพื่อรับรองการปล่อย/ลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กร หรือ ISO14064-7 เพื่อรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์มาประยุกต์ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กร เสริมสร้างความมุ่งมั่น ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน, ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความสอดคล้องตามพันธกิจที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า, ผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ
สนใจฝึกอบรมจัดทำระบบ ติดต่อเรา ยินดีให้คำปรึกษากับทุกองค์กร
ติดต่อที่ปรึกษาจัดทำระบบ ISO14001, ISO14064-1, ISO14064-7, CFO หรืออื่น ๆ โทร. 084-1147666
#CFO, #CFP, #ISO14064-1, #ISO14064-7, #GHG