โปรโมชั่น ประจำปี 2568
Phase 1: Goal and Scope Definition
การกำหนดเป้าหมายและขอบเขต
Phase 2: Inventory Analysis
การเก็บข้อมูลและจัดทำบัญชีรายการสิ่งแวดล้อม
Phase 3: Impact Analysis
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
Phase 4: Interpretation
การแปรความหมายของผลลัพธ์
อ้างอิงตาม ISO14040/ISO14044
เป้าหมาย (Goal) - ต้องมีการระบุเป้าหมาย และประโยชน์ให้ชัดเจน เช่น เหตุผลในการศึกษา, ใครคือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารให้ทราบผล รวมถึงผลลัพธ์ใช้ในการเปรียบเทียบหรือใช้ในการเปิดเผยต่อสาธารณะ
ขอบเขต (Scope) - การกำหนดขอบเขตของ LCA ควรต้องทำการพิจารณารายการหัวข้อด้านล่าง และกำหนดให้ชัดเจน
ระบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการศึกษา
หน้าที่ของระบบผลิตภัณฑ์ หรือ กรณีศึกษาเพื่อเปรียบเทียบระบบผลิตภัณฑ์
ระบุขอบเขตระบบที่ทำการศึกษา(System boundary)
ระบุหน่วยหน้าที่ (Functional unit)
ระบุผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องการ (Types of impacts)
วิธีการปันส่วน (Allocation procedures)
ระบุข้อมูลที่ต้องการ (Data requirements)
สมมติฐานและข้อจำกัด (Assumption and limitations)
เลือกวิธีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (LCIA methology)
วิธีการแปรผลลัพธ์ที่ใช้ (Interpretation)
ประเภทและรูปแบบของรายงานที่ต้องการสำหรับการศึกษา (Format of report required for study)
เป้าหมาย (Goal)
วัตถุประสงค์การใช้งาน (Intended application)
กำหนดวัตถุประสงค์การใช้งานของผลลัพธ์ LCA อย่างชัดเจน เช่น การตัดสินใจภายใน, การเปิดเผยต่อสาธารณะ, หรือการปฏิบัติตามข้อบังคับ
เหตุผลในการดำเนินการศึกษา (Reasons for Conducting the Study)
ระบุแรงจูงใจเบื้องหลังการดำเนินการประเมิน ตัวอย่างเช่น ระบุจุดเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม(hotspot), เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางเลือก(Compare alternative products), หรือผลักดันการปรับปรุง (Drive improvements)
กลุ่มเป้าหมาย (Target audience)
ระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรับผลลัพธ์ เช่น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน, ผู้บริโภค, นักลงทุน, หรือหน่วยงานกำกับดูแล
เผยแพร่ผลลัพธ์ต่อสาธารณะ (Public Release of Results)
กำหนดว่าจะเปิดเผยผลลัพธ์ต่อสาธารณะหรือไม่ กำหนดว่าจะนำไปใช้เพื่อยืนยันการเปรียบเทียบหรือไม่
ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทีมที่ดำเนินการศึกษาของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญ การทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจอย่างครอบคลุมถึงเหตุผลที่ต้องดำเนินการประเมิน
ขอบเขตของ LCA จะต้องระบุฟังก์ชัน (ลักษณะการทำงาน) ของระบบที่กำลังศึกษาอย่างชัดเจน, หน่วยฟังก์ชันจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและขอบเขตของการศึกษา, วัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งของหน่วยฟังก์ชัน คือ การให้ข้อมูลอ้างอิงซึ่งข้อมูลอินพุตและเอาต์พุตจะถูกทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์ได้ ดังนั้น หน่วยฟังก์ชันจะต้องถูกกำหนดและวัดได้อย่างชัดเจน
เมื่อเลือกหน่วยการทำงาน (functional unit) แล้ว จะต้องกำหนดปริมาณอ้างอิง (Reference Flow) การเปรียบเทียบระหว่างระบบจะต้องทำบนพื้นฐานของฟังก์ชันเดียวกัน, ซึ่งวัดปริมาณโดยหน่วยฟังก์ชันเดียวกันในรูปแบบของปริมาณอ้างอิง หากไม่ได้นำฟังก์ชันเพิ่มเติมของระบบใดระบบหนึ่งมาพิจารณาในการเปรียบเทียบหน่วยการทำงาน (functional unit) ก็จะต้องอธิบายและบันทึกการละเว้นเหล่านี้ไว้ หรืออีกทางหนึ่ง ระบบที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบฟังก์ชันนี้ อาจถูกเพิ่มเข้าไปในขอบเขตของระบบอื่นเพื่อให้ระบบสามารถเปรียบเทียบได้มากขึ้น ในกรณีเหล่านี้ จะต้องอธิบายและบันทึกกระบวนการที่เลือกไว้
กำหนดปริมาณผลิตภัณฑ์ หรือพลังงานที่จำเป็นในการบรรลุหน่วยการทำงาน(functional unit) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการทำให้เป็นมาตรฐานและการเปรียบเทียบระหว่างระบบต่างๆ
ตัวอย่างของฟังก์ชัน และหน่วยการทำงาน
กำหนดข้อจำกัด หรือขอบเขตที่จะรวมไว้ในการวิเคราะห์, พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ร่วม(co-products), การขยายระบบ(system expansion) และวิธีการปันส่วน(Allocation), ขอบเขตของระบบควรสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษา
ตัวอย่างขอบเขตระบบ
ตัวอย่างขอบเขตของ Unit Process
Process Flow Chart สำหรับ LCA
กำหนดข้อจำกัด หรือขอบเขตที่จะรวมไว้ในการวิเคราะห์, พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ร่วม(co-products), การขยายระบบ(system expansion) และวิธีการปันส่วน(Allocation), ขอบเขตของระบบควรสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษา
เกณฑ์ของการ Cut-off ต้อง
ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวัตถุประสงค์ของการศึกษา
ไม่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เป้าหมาย
แก้ไขปัญหาของฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย โดยระบุวิธีการแบ่งส่วนอินพุตและเอาต์พุต เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดสรรภาระด้านสิ่งแวดล้อม มีความสอดคล้องและเปรียบเทียบกันได้ กรณีที่มีผลลัพธ์ (ผลิตภัณฑ์ร่วม/ผลิตภัณฑ์พลอยได้) ออกมามากกว่า 1 รายการ
หลักการคิดปันส่วน
การปันส่วนโดยมวล (Allocation by mass)
การปันส่วนโดยวิธีทางเศรษฐศาสตร์ (Allocation by cost)
การปันส่วนโดยใช้ค่าความร้อนหรือพลังงาน (Allocation by heating value/energy)
การนำระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO14001:2015 Environmental Management System) รวมถึงมาตรฐานด้านการอนุรักษ์พลังงาน ISO50001 ช่วยส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมีมาตรฐาน ISO14064-1 เพื่อรับรองการปล่อย/ลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กร หรือ ISO14064-7 เพื่อรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์มาประยุกต์ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กร เสริมสร้างความมุ่งมั่น ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน, ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความสอดคล้องตามพันธกิจที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า, ผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ
สนใจฝึกอบรมจัดทำระบบ ติดต่อเรา ยินดีให้คำปรึกษากับทุกองค์กร
ติดต่อที่ปรึกษาจัดทำระบบ ISO14001, ISO14064-1, ISO14064-7, CFO หรืออื่น ๆ โทร. 084-1147666
#CFO, #CFP, #ISO14064-1, #ISO14064-7, #GHG