โปรโมชั่น ประจำปี 2568
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพของประชาชน สำหรับองค์กรธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงเป็นความท้าทายที่ต้องเผชิญเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้มีการปรับตัวในกระบวนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
มาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นกรอบแนวทางสากลในการจัดการด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และความมั่นคงสารสนเทศ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อผลกระทบของสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการประเมินทั้งปัจจัยภายในและภายนอกอย่างครอบคลุม และพัฒนาระบบบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น ทนทาน และยั่งยืน
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการดำเนินงานขององค์กรในแต่ละด้านตามมาตรฐาน ISO ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ISO 9001 (ระบบบริหารคุณภาพ), ISO 14001 (ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม), ISO 45001 (ระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย), และ ISO 27001 (ระบบบริหารความมั่นคงสารสนเทศ) เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมของความเชื่อมโยงระหว่างการบริหารจัดการภายในองค์กรกับวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ได้กลายเป็น "ปัจจัยเชิงกลยุทธ์" ที่องค์กรไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป สภาวะอากาศที่รุนแรงบ่อยครั้ง เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ หรือคลื่นความร้อน ส่งผลกระทบต่อทั้งทรัพย์สิน ระบบการผลิต สุขภาพแรงงาน ห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนข้อมูลสำคัญขององค์กร โดยเฉพาะในยุคที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบ
มาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางระบบบริหารจัดการขององค์กร จึงต้องมีการปรับให้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละระบบมาตรฐานมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน ดังนี้:
ISO 9001 (ระบบบริหารคุณภาพ)
จำเป็นต้องพิจารณาว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อคุณภาพของกระบวนการ ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการอย่างไร เช่น ความเสี่ยงในการจัดส่ง ความเสถียรของวัตถุดิบ หรือความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในด้านความยั่งยืน
ISO 14001 (ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบนี้ องค์กรต้องเร่งพิจารณาผลกระทบทั้งในแง่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความสามารถในการปรับตัวต่อภัยพิบัติ พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ISO 45001 (ระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย)
สภาพอากาศที่รุนแรงและไม่แน่นอนสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ ด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน เช่น ความร้อนจัด คุณภาพอากาศต่ำ หรือการเข้าถึงพื้นที่ทำงานที่ยากลำบาก จึงต้องรีบประเมินและเสริมมาตรการความปลอดภัยให้สอดคล้อง
ISO 27001 (ระบบการจัดการความมั่นคงสารสนเทศ)
ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอาจส่งผลให้ระบบสารสนเทศล่มหรือถูกคุกคามได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน องค์กรจึงต้องเร่งทบทวนระบบบริหารความเสี่ยง การสำรองข้อมูล และการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องให้รองรับภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่เกี่ยวข้องกับทุกมิติของการบริหารจัดการองค์กร ดังนั้น การบูรณาการประเด็นนี้เข้ากับระบบ ISO อย่างเร่งด่วนไม่เพียงช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างโอกาสในการปรับตัว แข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ประเด็นภายใน ได้แก่:
กระบวนการผลิตหรือการให้บริการถูกรบกวนจากสภาพอากาศรุนแรง
ความไม่คงที่ของคุณภาพวัตถุดิบจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม
เครื่องจักรเสียหายหรือทำงานผิดปกติจากอุณหภูมิหรือความชื้นที่เปลี่ยนแปลง
ความล่าช้าในการจัดหาวัตถุดิบ ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์
การขาดงานของพนักงานจากผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากสภาพอากาศ
อัตราการตรวจสอบคุณภาพไม่ผ่านสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมไม่เสถียร
จำเป็นต้องทดสอบหรือรับรองกระบวนการใหม่จากผลกระทบภายนอก
ต้นทุนดำเนินการเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อแผนการปรับปรุงคุณภาพ
ประเด็นภายนอก ได้แก่:
ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เช่น ต้องการสินค้าที่ทนต่อสภาพอากาศ
กฎระเบียบใหม่ด้านคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและการปรับตัวต่อสภาพอากาศ
ซัพพลายเออร์ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับมาตรฐานใหม่
คู่แข่งเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า
ความเสี่ยงทางกฎหมายหากเกิดความล้มเหลวด้านคุณภาพจากเหตุการณ์สภาพอากาศ
การเข้าถึงตลาดที่เปลี่ยนแปลงจากนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ
ความผันผวนของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกกระทบต่อคุณภาพ
ความคาดหวังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้มีความยั่งยืนในการจัดการคุณภาพ
ประเด็นภายใน ได้แก่:
การใช้พลังงานและทรัพยากรเพิ่มขึ้นจากความต้องการควบคุมอุณหภูมิ
การปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นจากกระบวนการที่ต้องปรับเปลี่ยน
ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุด้านสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสียรั่วไหลในช่วงน้ำท่วม
ความยุ่งยากในการจัดการของเสียภายใต้สภาพอากาศแปรปรวน
จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมใหม่บ่อยครั้ง
ความยากลำบากในการคงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามข้อกำหนดในภาวะวิกฤต
ช่องว่างด้านการฝึกอบรมบุคลากรในแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
ต้นทุนดำเนินงานเพิ่มจากการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประเด็นภายนอก ได้แก่:
กฎหมายใหม่ที่ควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากร
ความคาดหวังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้แสดงความรับผิดชอบต่อสภาพอากาศ
ความต้องการของชุมชนให้ภาคธุรกิจมีบทบาทในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นจากหน่วยงานภาครัฐ
ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายระดับประเทศหรือโลก เช่น Net Zero, COP
ความเสี่ยงด้านกฎหมายจากการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม
แรงกดดันจากนักลงทุนให้เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน
การสูญเสียโอกาสทางการตลาดหากไม่ผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม
ประเด็นภายใน ได้แก่:
ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากคลื่นความร้อน ฝุ่นควัน น้ำท่วม ฯลฯ
อันตรายจากโครงสร้างที่อาจพังทลายหรือพื้นลื่นในสภาพอากาศเลวร้าย
การแพร่ระบาดของโรคจากแมลงพาหะในบางพื้นที่
ปัญหาสุขภาพจิตจากความเครียดและความวิตกกังวลเรื่องภัยพิบัติ
ความไม่พร้อมของระบบฉุกเฉินหรือแผนรับมือภัยพิบัติ
ความยากลำบากในการเดินทางของพนักงาน
ความจำเป็นในการปรับปรุงระบบระบายอากาศและสุขาภิบาล
โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย เช่น ถนน โรงงาน ฯลฯ เพิ่มความเสี่ยงในที่ทำงาน
ประเด็นภายนอก ได้แก่:
กฎหมายใหม่ที่กำหนดมาตรการป้องกันด้านสุขภาพจากผลกระทบสภาพอากาศ
ความคาดหวังจากสหภาพแรงงานหรือสมาคมผู้ใช้แรงงาน
ความกดดันจากสังคมหากไม่ปกป้องพนักงานในช่วงเกิดภัยพิบัติ
เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ความเสี่ยงทางกฎหมายหากเกิดเหตุอันตรายกับพนักงาน
ภาพลักษณ์องค์กรเสียหายหากไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ
คู่แข่งได้เปรียบหากมีระบบปกป้องแรงงานที่ดีกว่า
แรงกดดันให้อบรมพนักงานเรื่องการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ
ประเด็นภายใน ได้แก่:
ความเสียหายทางกายภาพต่อศูนย์ข้อมูลจากน้ำท่วมหรือไฟไหม้
ไฟดับหรือการหยุดทำงานของระบบสำรองข้อมูล
ความต้องการระบบที่สามารถทำงานต่อเนื่องแม้ในภาวะฉุกเฉิน
การประเมินความเสี่ยงด้านไอทีที่ยังไม่ครอบคลุมภัยพิบัติธรรมชาติ
บุคลากรฝ่ายไอทีไม่สามารถปฏิบัติงานระหว่างเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ในช่วงที่องค์กรเผชิญวิกฤต
แผนฟื้นฟูระบบหลังเหตุการณ์ไม่รองรับภัยจากสภาพภูมิอากาศ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในระบบสำรองและความมั่นคง
ประเด็นภายนอก ได้แก่:
ผู้ให้บริการภายนอก เช่น คลาวด์ หรือดาต้าเซ็นเตอร์ ถูกกระทบจากภัยพิบัติ
กฎหมายที่บังคับให้มีการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลในสถานการณ์ฉุกเฉิน
การขัดข้องของระบบข้อมูลจากประเทศต้นทาง
การเพิ่มขึ้นของการโจมตีไซเบอร์ช่วงเกิดภัยพิบัติ (เช่น ransomware)
ความกังวลของลูกค้าเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในสถานการณ์วิกฤต
ความกังวลของนักลงทุนเรื่องความพร้อมด้านความมั่นคงข้อมูล
เงื่อนไขของประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
การตรวจสอบจากภายนอกที่เข้มงวดขึ้นด้านความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
✅ ยกระดับระบบบริหารให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
✅ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
✅ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
ให้เราช่วยนำองค์กรของคุณไปสู่มาตรฐานระดับสากล เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงในระยะยาว!
สนใจฝึกอบรมจัดทำระบบ ติดต่อเรา ยินดีให้คำปรึกษากับทุกองค์กร
ติดต่อที่ปรึกษาจัดทำระบบ ISO27001, ISO14001, ISO45001, ISO9001 หรืออื่น ๆ โทร. 084-1147666
#QMS, #EMS, #OHSMS, #ISMS, #ISO27001, #ISO9001, #ISO14001, #ISO45001